หน่วยที่ 1แนวคิดและทฤษฏีเกี่ยวกับการพัฒนา
แนวคิด
1.การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คือการปรับตัวหรือการเปลี่ยนแปลงในระบบโครงสร้างทางสังคมหรือสถาบันในช่วงเวลาหนึ่ง การสื่อสารมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้งในส่วนการเป็นดัชนีชี้วัดการพัฒนาและเป็นกลไกสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในประเทศไทยเกิดขึ้นในหลากหลายมิติ แม้ว่าโดยรวมจะทำให้วิถีการดำรงชีวิตผู้คนดูสะดวกสะบายมากขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมก็นำมาซึ่งความเสื่อมได้เช่นกัน
2.ในขณะที่ความหมายของคำว่าพัฒนาถูกกำหนดขึ้นโดยนักวิชาการด้านต่างๆแตกต่างกันออกไป ทฤษฏีและแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาต่างมีรากฐานพัฒนาการทางความคิดที่แตกต่างกันด้านความเชื่อ พื้นฐานของนักคิดแต่ละยุคสมัยและความเหมาะสมของสถานการณ์ภายใต้บริบทการพัฒนาที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มทฤษฎีทฤษฎีที่สำคัญได้แก่ ทฤษฎีความทันสมัย ทฤษฎีการพัฒนาแบบพึ่งพา และทฤษฎีทางเลือกแบบอื่นๆ ได้แก่ทฟษฎีการพัฒนาที่เน้นการกระจายรายได้ที่ควบคู่กับกระจายความเติบโตทฤษฎีการพัฒนาที่เน้นความต้องการพื้นฐานและแนวคิดทฤษฎีการพัฒนาแบบยั่งยืน
3.การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เริ่มเป็นทางการในปี 2504 จนถึง 2546 มีการใช้แผนพัฒนามาแล้ว 9 ฉบับ แต่ละฉบับมีแนวคิดหลักในการวางแผนและกลยุทธ์การพัฒนาตลอดจนเมื่อเสร็จสิ้นแผนได้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกันออกไป การกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศในยุคต่อไปจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเงื่อนไขสำคัญๆในสังคมโลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ที่สำคัญได้แก่เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางประชากร เกิดความเหลื่อมล้ำทางความรู้ทั้งในระดับระหว่างประเทศและในประเทศ เกิดภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในสินค้าและบริการ และเกิดการพึ่งพาและร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นในทุกระดับ ในช่วงเวลาต่อไปนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญๆประกอบด้วยมิติการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ/สังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกัน
1.1 การเปลี่ยนแปลงทางสังคม
- การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คือการปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงในระบบโครงสร้างทางสังคมหรือสถาบันในช่วงเวลาหนึ่ง มีความสำคัญทั้งในแง่การดำรงชีวิตของผู้คนในสังคม ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและในระดับสังคม ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในสองกลุ่มความคิดหลักคือ กลุ่มทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่ และกลุ่มทฤษฎีความขัดแย้ง การสื่อสารมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้งในส่วนการเป็นดัชนีย์ชี้วัดการพัฒนาและเป็นกลไกสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
- นักสังคมวิทยาได้ระบุปัจจัยที่เกี่ยวข้องและเป็นสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมไว้ดังนี้คือ การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลสืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงขององค์การต่างๆภายในสังคม การเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดจากสิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนด้านทัศนคติ ความคิด ความเชื่อต่างๆ
- การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในประเทศไทยเกิดขึ้นในหลากหลายมิติ ทั้งในมิติคุณภาพคน ความมั้นคงทางสังคม วัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่และพฤติกรรมผู้คน ตลอดจนสิ่งแวดล้อมต่างๆแม้ว่าโดยรวมจะทำให้วิถีการดำรงชีวิตของผู้คนสะดวกสบายขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมใช่ว่าจะนำไปสู่ความก้าวหน้าอย่างเดียวไม่ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมนำมาซึ่งความเสื่อมได้เช่นกัน
1.2 แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการพัฒนา
- ทฤษฎีความทันสมัย เป็นทฤษฎีซึ่งให้ข้อเสนอโดยแยกสังคมออกเป็นสองประเภทที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงคือ สังคมดั้งเดิมและสังคมทันสมัย โดยให้ความสำคุญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นดัชนีสำคัญที่จะพัฒนาผู้คนไปสู่สังคมทันสมัย นอกจากนั้นยังชี้นำให้เห็นว่าความคิดความเชื่อวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา ดังนั้นประเทศที่ทันสมัยคือประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เติมโตและทิ้งความคิดความเชื่อวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
**ด้านเศรษฐกิจ รอสโทว์มีอิทธิพลต่อแนวคิดนี้มีขั้นตอน 5 ขั้นตอนคือ ขั้นสังคมโบราณพึ่งพาธรรมชาติแรงงานครัวเรือน ขั้นที่ 2 เตรียมทะยานขึ้น ขั้นที่ 3 ทะยานขึ้น เศรษฐกิจเติบโตเต็มที่ และสุดท้ายการบริโภคขนานใหญ่หรือขั้นอุดมโภคา
**ด้านสังคม เลินเนอร์ บอกว่าสิ่งที่เอื้อต่อการเปลี่ยนไปสู่ยุคความทันสมัยมีอยุ่ 3 ประการคือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การเคลื่อนไหว การมีส่วนร่วมอย่างสูง
**ด้านการเมือง เน้นเกณฑ์สำคัญ 3 ประการคือ มีการแยกแยะโครงสร้างต่างๆทางสังคม การมีระบบย่อยที่มีอิสระและมีการรวมกลุ่มคนวัฒนธรรมต่างๆเข้าด้วยกัน
- ทฤษฎีการพัฒนาแบบพึ่งพา เชื่อว่าแนวทางที่ใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วไม่น่าจะมีความเหมาะสมและใช้ได้ดีกับประเทสด้อยพัฒนา ทั้งนี้เพราะผลของการพัฒนาที่เกิดจากแนวคิดของการพัฒนากระแสหลัก เช่น แนวคิดหลักขั้นตอนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของรอสโทว์ไม่เป้นไปตามเป้าหมาย ความเติบโตที่เกิดขึ้นกับประเทศด้อยพัฒนาส่วนใหญ่มีน้อยมากยิ่งกว่านั้นความเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้เกิดความร่ำรวยกับคนเพียงบางกลุ่ม เกิดปัญหาตามมาทั้งด้านปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทำให้ประเทศด้อยพัฒนากลายเป้นส่วนหนึ่งของระบบทุนนิยมโลกอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
** อังเดร กุนเดอร์แฟรงค์ บอกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมักเป็นประเทศศูนย์กลางประเทศด้อยพัฒนาอยู่ในสถานภาพประเทศบริวาร
- ทฤษฎีการพัฒนาที่เน้นการกระจายรายได้ควบคู่กับกระจายความเติบโต แนวคิดกลุ่มนี้จะใหความสำคัญกับการกระจายความเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าหากมีการจัดการที่เหมาะสมในเรื่องของการลงทุน การให้การศึกษา และการจัดบริการทางสังคมอย่างทั่วถึง ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงอย่างเท่าเทียม การที่รัฐมีนโยบายปฏิรูปที่ดิน มีการบริหารจัดการที่ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของกลุ่มที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันอยางเหมาะสมจะช่วยให้กลุ่มคนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์จากการพัฒนา เมื่อคนจนสามารถสร้างผลผลิตได้สูง ได้รับค่าจ้างแรงงานที่เหมาะสม ก็จะส่งผลให้เกิดความเสมอภาคและลดภาวความยากจนของประเทศลงได้
- ทฤษฎีการพัฒนาที่เน้นความต้องการขั้นพื้นฐาน (ฮอลลิส เชนเนอรี)เชื่อว่าความเติบโตด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนได้ แนวทางการพัฒนาจึงจำเป็นต้องเน้นการพัฒนาที่ตัวคนโดยเฉพาะกลุ่มของคนยากจนเป็นหลัก โดยคำนึงถึงหลักการในเรื่องของการสนองตอบต่อความจำเป็นพื้นฐานในชีวิต ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ ความต้องการระดับครอบครัว และความต้องการระดับชุมชน
- ทฤษฎีการพัฒนาแบบยั่งยืน เป็นทฤษฎีที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่พยายามคงภาวะความสมดุลระหว่างมิติด้านเศรษฐกิจให้สัมพันธ์กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในระบบเปิด โดยพยายามให้คงระดับการเติบโตของระบบเศรษฐกิจให้ให้สัมพันธ์กับความพยายามในการคงสภาพให้เกิดความเท่าเทียมกันทางสังคมโดยคงไว้ซึ่งนะบบนิเวศน์ที่เหมาะสม
1.3 พัฒนาการของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย
- การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เริ่มเป็นทางการในปี 2504 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 1 จนถึงปี 2546 มีการใช้แผนพัฒนามาแล้ว 9 ฉบับ แต่ละฉบับมีนโยบายแนวคิดหลักในการวางแผนและกลยุทธ์การพัฒนาตลอดจนเมื่อเสร็จสิ้นแผนได้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกันออกไป
- การกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทสในแต่ละยุคต่อไปจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเงื่อนไขสำคัญๆในสังคมโลกที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย นักวิชาการได้สรุปแนวดน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้แก่ เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางประชากร เกิดความเหลื่อมล้ำทางความรู้ทั้งในระดับระหว่างประเทศและในประเทศ เกิดภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในสินค้าและบริการและเกิดการพึ่งพาและร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นในทุกระดับ
- ในช่วงเวลาต่อไปนี้ประเทศไทยจำเป้นต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญๆ ประกอบไปด้วยมิติด้านเศรษฐกิจ/สังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนี้คือยุทธศาสตร์พัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ยุทธศาสตร์การพัฒนาทุนทางสังคม ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจน ยุทธศาสตร์การพัฒนาสิ่งแวดล้อม
**สรุปแนวคิดแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับต่างๆ
ฉบับที่ 1 -2 (2504-0514) เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อก้าวสู่ความทันสมัย
ฉบับที่ 3 (1514-2519) เน้นการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับการพัฒนาเน้นการพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย
ฉบับที่ 4 (2520-2524) ฟื้นฟูฐานะเศรษฐกิจของชาติ รักษาเสียรภาพทางเศรษฐกิจ ยังเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ฉบับที่ 5-6 (2525-2534) พัฒนาแนวรุกเน้นการเติบโตด้วยการกระจายความเจริญโดยยึดพื้นที่เป็นหลัก มีการกำหนดความจำเป็นขั้นพื้นฐานและดัชนีชี้วัดเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
ฉบับที่ 7 (2535-2539) สังคมโลกเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ เริ่มเห็นความจำเป็นในการนำแนงคิดการพัฒนาแบบยั่งยืนมาใช้
ฉบับที่ 8 (2540-2544) การพัฒนาแบบองค์รวม คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา
ฉบับที่ 9 (2545-2549) เน้นการพัฒนาสู่สังคมที่เข้มแข็งและมีดุลยภาพ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
แนวคิด
1.การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คือการปรับตัวหรือการเปลี่ยนแปลงในระบบโครงสร้างทางสังคมหรือสถาบันในช่วงเวลาหนึ่ง การสื่อสารมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้งในส่วนการเป็นดัชนีชี้วัดการพัฒนาและเป็นกลไกสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในประเทศไทยเกิดขึ้นในหลากหลายมิติ แม้ว่าโดยรวมจะทำให้วิถีการดำรงชีวิตผู้คนดูสะดวกสะบายมากขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมก็นำมาซึ่งความเสื่อมได้เช่นกัน
2.ในขณะที่ความหมายของคำว่าพัฒนาถูกกำหนดขึ้นโดยนักวิชาการด้านต่างๆแตกต่างกันออกไป ทฤษฏีและแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาต่างมีรากฐานพัฒนาการทางความคิดที่แตกต่างกันด้านความเชื่อ พื้นฐานของนักคิดแต่ละยุคสมัยและความเหมาะสมของสถานการณ์ภายใต้บริบทการพัฒนาที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มทฤษฎีทฤษฎีที่สำคัญได้แก่ ทฤษฎีความทันสมัย ทฤษฎีการพัฒนาแบบพึ่งพา และทฤษฎีทางเลือกแบบอื่นๆ ได้แก่ทฟษฎีการพัฒนาที่เน้นการกระจายรายได้ที่ควบคู่กับกระจายความเติบโตทฤษฎีการพัฒนาที่เน้นความต้องการพื้นฐานและแนวคิดทฤษฎีการพัฒนาแบบยั่งยืน
3.การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เริ่มเป็นทางการในปี 2504 จนถึง 2546 มีการใช้แผนพัฒนามาแล้ว 9 ฉบับ แต่ละฉบับมีแนวคิดหลักในการวางแผนและกลยุทธ์การพัฒนาตลอดจนเมื่อเสร็จสิ้นแผนได้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกันออกไป การกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศในยุคต่อไปจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเงื่อนไขสำคัญๆในสังคมโลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ที่สำคัญได้แก่เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางประชากร เกิดความเหลื่อมล้ำทางความรู้ทั้งในระดับระหว่างประเทศและในประเทศ เกิดภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในสินค้าและบริการ และเกิดการพึ่งพาและร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นในทุกระดับ ในช่วงเวลาต่อไปนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญๆประกอบด้วยมิติการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ/สังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกัน
1.1 การเปลี่ยนแปลงทางสังคม
- การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คือการปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงในระบบโครงสร้างทางสังคมหรือสถาบันในช่วงเวลาหนึ่ง มีความสำคัญทั้งในแง่การดำรงชีวิตของผู้คนในสังคม ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและในระดับสังคม ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในสองกลุ่มความคิดหลักคือ กลุ่มทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่ และกลุ่มทฤษฎีความขัดแย้ง การสื่อสารมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้งในส่วนการเป็นดัชนีย์ชี้วัดการพัฒนาและเป็นกลไกสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
- นักสังคมวิทยาได้ระบุปัจจัยที่เกี่ยวข้องและเป็นสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมไว้ดังนี้คือ การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลสืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงขององค์การต่างๆภายในสังคม การเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดจากสิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนด้านทัศนคติ ความคิด ความเชื่อต่างๆ
- การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในประเทศไทยเกิดขึ้นในหลากหลายมิติ ทั้งในมิติคุณภาพคน ความมั้นคงทางสังคม วัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่และพฤติกรรมผู้คน ตลอดจนสิ่งแวดล้อมต่างๆแม้ว่าโดยรวมจะทำให้วิถีการดำรงชีวิตของผู้คนสะดวกสบายขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมใช่ว่าจะนำไปสู่ความก้าวหน้าอย่างเดียวไม่ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมนำมาซึ่งความเสื่อมได้เช่นกัน
1.2 แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการพัฒนา
- ทฤษฎีความทันสมัย เป็นทฤษฎีซึ่งให้ข้อเสนอโดยแยกสังคมออกเป็นสองประเภทที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงคือ สังคมดั้งเดิมและสังคมทันสมัย โดยให้ความสำคุญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นดัชนีสำคัญที่จะพัฒนาผู้คนไปสู่สังคมทันสมัย นอกจากนั้นยังชี้นำให้เห็นว่าความคิดความเชื่อวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา ดังนั้นประเทศที่ทันสมัยคือประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เติมโตและทิ้งความคิดความเชื่อวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
**ด้านเศรษฐกิจ รอสโทว์มีอิทธิพลต่อแนวคิดนี้มีขั้นตอน 5 ขั้นตอนคือ ขั้นสังคมโบราณพึ่งพาธรรมชาติแรงงานครัวเรือน ขั้นที่ 2 เตรียมทะยานขึ้น ขั้นที่ 3 ทะยานขึ้น เศรษฐกิจเติบโตเต็มที่ และสุดท้ายการบริโภคขนานใหญ่หรือขั้นอุดมโภคา
**ด้านสังคม เลินเนอร์ บอกว่าสิ่งที่เอื้อต่อการเปลี่ยนไปสู่ยุคความทันสมัยมีอยุ่ 3 ประการคือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การเคลื่อนไหว การมีส่วนร่วมอย่างสูง
**ด้านการเมือง เน้นเกณฑ์สำคัญ 3 ประการคือ มีการแยกแยะโครงสร้างต่างๆทางสังคม การมีระบบย่อยที่มีอิสระและมีการรวมกลุ่มคนวัฒนธรรมต่างๆเข้าด้วยกัน
- ทฤษฎีการพัฒนาแบบพึ่งพา เชื่อว่าแนวทางที่ใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วไม่น่าจะมีความเหมาะสมและใช้ได้ดีกับประเทสด้อยพัฒนา ทั้งนี้เพราะผลของการพัฒนาที่เกิดจากแนวคิดของการพัฒนากระแสหลัก เช่น แนวคิดหลักขั้นตอนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของรอสโทว์ไม่เป้นไปตามเป้าหมาย ความเติบโตที่เกิดขึ้นกับประเทศด้อยพัฒนาส่วนใหญ่มีน้อยมากยิ่งกว่านั้นความเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้เกิดความร่ำรวยกับคนเพียงบางกลุ่ม เกิดปัญหาตามมาทั้งด้านปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทำให้ประเทศด้อยพัฒนากลายเป้นส่วนหนึ่งของระบบทุนนิยมโลกอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
** อังเดร กุนเดอร์แฟรงค์ บอกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมักเป็นประเทศศูนย์กลางประเทศด้อยพัฒนาอยู่ในสถานภาพประเทศบริวาร
- ทฤษฎีการพัฒนาที่เน้นการกระจายรายได้ควบคู่กับกระจายความเติบโต แนวคิดกลุ่มนี้จะใหความสำคัญกับการกระจายความเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าหากมีการจัดการที่เหมาะสมในเรื่องของการลงทุน การให้การศึกษา และการจัดบริการทางสังคมอย่างทั่วถึง ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงอย่างเท่าเทียม การที่รัฐมีนโยบายปฏิรูปที่ดิน มีการบริหารจัดการที่ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของกลุ่มที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันอยางเหมาะสมจะช่วยให้กลุ่มคนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์จากการพัฒนา เมื่อคนจนสามารถสร้างผลผลิตได้สูง ได้รับค่าจ้างแรงงานที่เหมาะสม ก็จะส่งผลให้เกิดความเสมอภาคและลดภาวความยากจนของประเทศลงได้
- ทฤษฎีการพัฒนาที่เน้นความต้องการขั้นพื้นฐาน (ฮอลลิส เชนเนอรี)เชื่อว่าความเติบโตด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนได้ แนวทางการพัฒนาจึงจำเป็นต้องเน้นการพัฒนาที่ตัวคนโดยเฉพาะกลุ่มของคนยากจนเป็นหลัก โดยคำนึงถึงหลักการในเรื่องของการสนองตอบต่อความจำเป็นพื้นฐานในชีวิต ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ ความต้องการระดับครอบครัว และความต้องการระดับชุมชน
- ทฤษฎีการพัฒนาแบบยั่งยืน เป็นทฤษฎีที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่พยายามคงภาวะความสมดุลระหว่างมิติด้านเศรษฐกิจให้สัมพันธ์กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในระบบเปิด โดยพยายามให้คงระดับการเติบโตของระบบเศรษฐกิจให้ให้สัมพันธ์กับความพยายามในการคงสภาพให้เกิดความเท่าเทียมกันทางสังคมโดยคงไว้ซึ่งนะบบนิเวศน์ที่เหมาะสม
1.3 พัฒนาการของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย
- การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เริ่มเป็นทางการในปี 2504 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 1 จนถึงปี 2546 มีการใช้แผนพัฒนามาแล้ว 9 ฉบับ แต่ละฉบับมีนโยบายแนวคิดหลักในการวางแผนและกลยุทธ์การพัฒนาตลอดจนเมื่อเสร็จสิ้นแผนได้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในแต่ละช่วงเวลาแตกต่างกันออกไป
- การกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทสในแต่ละยุคต่อไปจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเงื่อนไขสำคัญๆในสังคมโลกที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย นักวิชาการได้สรุปแนวดน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้แก่ เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางประชากร เกิดความเหลื่อมล้ำทางความรู้ทั้งในระดับระหว่างประเทศและในประเทศ เกิดภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในสินค้าและบริการและเกิดการพึ่งพาและร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นในทุกระดับ
- ในช่วงเวลาต่อไปนี้ประเทศไทยจำเป้นต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญๆ ประกอบไปด้วยมิติด้านเศรษฐกิจ/สังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนี้คือยุทธศาสตร์พัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ยุทธศาสตร์การพัฒนาทุนทางสังคม ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจน ยุทธศาสตร์การพัฒนาสิ่งแวดล้อม
**สรุปแนวคิดแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับต่างๆ
ฉบับที่ 1 -2 (2504-0514) เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อก้าวสู่ความทันสมัย
ฉบับที่ 3 (1514-2519) เน้นการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับการพัฒนาเน้นการพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย
ฉบับที่ 4 (2520-2524) ฟื้นฟูฐานะเศรษฐกิจของชาติ รักษาเสียรภาพทางเศรษฐกิจ ยังเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ฉบับที่ 5-6 (2525-2534) พัฒนาแนวรุกเน้นการเติบโตด้วยการกระจายความเจริญโดยยึดพื้นที่เป็นหลัก มีการกำหนดความจำเป็นขั้นพื้นฐานและดัชนีชี้วัดเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
ฉบับที่ 7 (2535-2539) สังคมโลกเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ เริ่มเห็นความจำเป็นในการนำแนงคิดการพัฒนาแบบยั่งยืนมาใช้
ฉบับที่ 8 (2540-2544) การพัฒนาแบบองค์รวม คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา
ฉบับที่ 9 (2545-2549) เน้นการพัฒนาสู่สังคมที่เข้มแข็งและมีดุลยภาพ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
แก้ไขล่าสุดโดย dj.soda เมื่อ Sat Sep 26, 2009 8:45 pm, ทั้งหมด 8 ครั้ง