ข้อ 3
ต้อยเข้าไปในร้านอาหารและร้องสั่งอาหารดังๆว่า ขอเส้นใหญ่ราดหน้าจานหนึ่ง เจ้าของร้านมิได้ตอบอะไร แต่ได้ลุกขึ้นไปเดินผัดราดหน้า ขณะเจ้าของร้านกำลังผัดราดหน้าอยู่ ต้อยเปลี่ยนใจจึงบอกว่าขอเปลี่ยนเป็นเส้นหมี่ เจ้าของร้านบอกว่า ทำแล้วเปลี่ยนไม่ได้ แล้วก็ยกราดหน้ามาให้ต้อยต้อยไม่ยอมรับจึงเกิดโต้เถียงกัน เจ้าของร้านเรียกให้ต้อยชำระราคา ต้อยไม่ชำระอ้างว่าสัญญาซื้อขายไม่เกิดเพราะเจ้าของร้านมิได้ตอ บตกลงเมื่อตนบอกว่า ขอส้นใหญ่ราดหน้าและแม้จะเกิดก็เป็นสัญญาให้ เพราะตนบอกว่ามิใช่ซื้อ จึงไม่ต้องจ่ายเงิน ท่านเห็นด้วยกับข้ออ้างของต้อยหรือไม่เพราะเหตุใด จงให้เหตุผลประกอบ
เฉลย
ในเรื่องนี้มีหลักกฎหมายเกี่ยวข้องดังนี้
มาตรา 132 ในการความนั้นท่านให้ฟังถึงเจตนาจึงยิ่งยวดกว่าตัวกฎหมาย
มาตรา 356 คำเสนอทำแก่บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้า โดยมิได้บ่งระยะเวลาให้ทำคำสนองนั้น เสนอ ณ ที่ใด เวลาใด ก็ย่อมจะสนองได้แต่ ณ ที่นั้น เวลานั้น..............
มาตรา 361 วรรคสองถ้าตามเจตนาอันผู้เสนอได้แสดงหรือตามปกติประเพณีไม่จำเป ็นจะ
มีคำบอกกล่าวสนองไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเกิดเป็นสัญญาขึ้นในเวลาเมื่อกาลอันใดอันหนึ่ง ขึ้นอันจะพึงสันนิฐานได้ว่าเป็นการเจตนาสนองรับ
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ต้อยเข้าไปในร้านอาหารร้องสั่งดังๆว่า ขอเส้นใหญ่ราดหน้าจานหนึ่ง นั้นพฤติการณ์ที่แสดงออกมาเห็นได้ว่า ต้อยมีเจตนาซื้อราดหน้ามิใช่ขอ หากจะขอต้อยย่อมไม่ตะโกนสั่งดังๆเช่นนี้ ทั้งต้องไม่กล้าขอเปลี่ยนตามอำเภอใจ ดังนั้นแม้ถ้อยคำจะว่า ขอ ก็ ต้องหมายความว่า ซื้อเพราะการตีความแสดงเจตนาต้องเพ็งเล็งถึงเจตนาที่แท้จริงยิ่ งกว่าถ้อยคำตามตัวอักษรตามมาตรา 132
การที่ต้อยแสดงเจตนาซื้อราดหน้ากับเจ้าของร้าน เป็นการทำความเสนอแก่บุคคลผู้อยู่เฉพาะหน้า แม้เจ้าของร้านจะมิได้ตอบตกลง แต่ก็ได้ลุกเดินไปผัดราดหน้าซึ่งเป็นการแสดงเจตนาสนองรับ ณ ที่นั้นเวลานั้นแล้ว เพราะการแสดงเจตนานั้นไม่จำเป็นแสดงด้วยวาจาเสมอไป ด้วยกริยาท่าทางที่เข้าใจได้แล้ว ทั้งยังมีกฎหมายมาตรา 361 วรรคสองที่ว่า ตามปกติประเพณีไม่จำเป็นต้องมีคำบอกกล่าวสนองไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเกิดเป็นสัญญาขึ้นในเวลาเมื่อมีการอันใดอันหนึ ่งขึ้นอันจะพึงสันนิฐานได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาสนองรับ ซึ่งก็สามารถนำมาใช้เทียบเคียงในกรณีนี้คือปกติประเพณีในการขาย อาหาร ผู้ขายก็ไม่จำเป็นต้องมีคำบอกกล่าวสนองตอบ ดังนั้นเมื่อมีการลงมือผัดราดหน้า จึงถือว่าได้มีการอันใดอันหนึ่งอันพึงสันนิฐานได้ว่าเป็นการแสด งเจตนาสนองรับคำเสนอแล้ว สัญญาซื้อขายจึงเกิดขึ้น
ดังนั้น ต้อยจึงมีหน้าที่ต้องชำระราคาข้ออ้างทั้งสองข้อฟังไม่ขึ้น