อาญา 2
ข้อสอบเก่า
คำถาม
ราเชนทร์รักใคร่ชอบพอกับรานี ในวันเกิดอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ของรานี รานีได้นัดให้ราเชนทร์มาพบที่สวนสาธารณะและกอดจูบกันฉันคนรัก บังเอิญวันนั้นบิดาของรานีได้มาวิ่งออกกำลังกายอยู่ในบริเวณดังกล่าว และได้เห็นการกระทำของบุคคลทั้งสอง จึงไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแก่ราเชนทร์ในความผิดเกี่ยวกับเพศ แต่ราเชนทร์อ้างว่าตนไม่ได้กระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ แต่ได้ปฏิบัติต่อกันตามประสาคนรัก และรานีเองก็อายุครบ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว อีกทั้งเมื่อมาพบกันตนก็มิได้ข่มขืนหรือกระทำชำเราหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเรารานีแต่อย่างใด เพียงกอดจูบกันเท่านั้นและรานีเองก็สมัครใจ
กรณีดังกล่าว ท่านเห็นว่าราเชนทร์ต้องรับผิดทางอาญาฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวตอบ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษ...”
จากข้อเท็จจริงตามปัญหา การที่รานีได้นัดให้ราเชนทร์มาพบที่สวนสาธารณะในวันเกิดอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ของตน แสดงให้เห็นว่าราเชนทร์มิได้มีการพรากเด็กหรือผู้เยาว์มาจากผู้ใด แต่เมื่อมาพบกันแล้ว ราเชนทร์ได้กอดจูบรานี การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำอนาจาร เพราะเป็นการกระทำแก่เนื้อตัวของบุคคลที่ไม่สมควรในทางเพศ และการกระทำอนาจารของราเชนทร์ก็เป็นการกระทำแก่รานีซึ่งมีอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ดังนั้น แม้รานีจะยินยอมให้กระทำ ก็ไม่ทำให้ราเชนทร์พ้นความผิดไปได้ และแม้ราเชนทร์จะอ้างว่าตนไม่ได้กระทำถึงขั้นข่มขืนกระทำชำเราหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเราก็ตาม ราเชนทร์ก็ยังมีความผิดเกี่ยวกับเพศคือความผิดฐานกระทำอนาจาร
ดังนั้น ราเชนทร์จึงต้องรับผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ตามหลักกฎหมายดังกล่าวมาข้างต้น
วิเคราะห์
ข้อสอบนี้เป็นข้อสอบข้อที่ 2 ซึ่งนักศึกษาตอบผิดกันมาก แม้ว่าจะไม่มากเท่ากับข้อที่ 3 ทั้งๆ ที่ข้อสอบนี้ไม่ยากเลย เพราะในข้อสอบบอกข้อเท็จจริงชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการอนาจารแน่นอน ดังนั้น นักศึกษาจะไม่มีทางหลงไปตอบความผิดอื่น แต่ข้อสำคัญนักศึกษาจะต้องวินิจฉัยให้ถูกต้องว่าเป็นความผิดเกี่ยวกับการกระทำอนาจารที่บัญญัติไว้ในมาตราใด เพราะความผิดที่เกี่ยวกับการกระทำอนาจารมีบัญญัติไว้หลายมาตรา ซึ่งนักศึกษาก็เดาตอบกันมาทุกมาตราที่เกี่ยวข้องโดยไม่อ่านข้อเท็จจริงในโจทย์ให้ชัดเจน คำตอบที่นักศึกษาตอบมาส่วนใหญ่ได้แก่
1. พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
2. กระทำอนาจารแก่เด็กอายุเกินกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี
3. พาหญิงไปเพื่อการอนาจาร
4. ไม่ผิดฐานใดเพราะหญิงสมัครใจ
5. ไม่ผิดฐานใดเพราะเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบัน
6. ไม่ผิดฐานใดเพราะเป็นคนรักแสดงความรักต่อกัน
จากคำตอบดังกล่าวจะเห็นได้ว่าไม่มีคำตอบใดถูกต้องเลย เนื่องจาก
1. นักศึกษาลองไปเปิดอ่านคำอธิบายคำว่า “พรากไปเสีย” ในเอกสารการสอนเล่ม 2 หน้า 117 จะพบว่า คำว่า พราก ต้องเป็นการเอาไปหรือแยกผู้เยาว์จากความชอบธรรมของผู้อื่นที่ปกครอง กรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่าราเชนทร์ไม่ได้เป็นคนเอารานีไป หรือพารานีไป หรือแยกรานีจากความชอบธรรมของผู้ปกครองเลย แต่รานีต่างหากที่เป็นคนนัดให้ราเชนทร์ไปพบตนที่สวนสาธารณะ ดังนั้น เมื่อไม่มีการพราก ความผิดฐานพรากผู้เยาว์จึงไม่อาจนำมาพิจารณาได้
2. นักศึกษาที่ตอบว่าผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กเกินกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีนั้นแสดงว่านักศึกษาอ่านข้อเท็จจริงไม่เข้าใจ และจำตัวบทไม่ได้แม่นยำ ในเรื่องข้อเท็จจริงที่โจทย์ให้ ได้บอกชัดเจนว่าในวันที่เกิดเหตุนั้นรานีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ จึงไม่ใช่กรณีที่กระทำอนาจารแก่เด็กอายุเกินกว่า 15 ปีแน่นอน และในเรื่องหลักกฎหมายนั้น จะมีความผิดต้องเป็นกรณีที่กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯลฯ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ถูกกระทำต้องไม่ยินยอม ผู้กระทำจึงจะมีความผิด แต่กรณีนี้รานีเองก็ยินยอมและอายุก็ยังไม่เกิน 15 ปี จึงจะนำมาตรา 278 มาวินิจฉัยไม่ได้เช่นกัน
3. นักศึกษาที่ตอบว่าพาหญิงไปเพื่อการอนาจารนี้ คงจะลืมอ่านข้อเท็จจริงให้ชัดเจนกว่า กรณีนี้ราเชนทร์ไม่ได้พารานีไปไหนเลย แต่รานีเป็นคนนัดราเชนทร์มาพบ จึงไม่อาจนำมาตรานี้มาวินิจฉัยได้อีก
4. นักศึกษาที่ตอบว่า ไม่ผิดเพราะหญิงสมัครใจนั้น แสดงว่านักศึกษาจำตัวบทมาตรา 279 ไม่ได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า การกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี แม้เด็กนั้นจะยินยอมก็มีความผิด และคำว่าเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีนี้ ย่อมหมายถึงเด็กอายุ 15 ปีบริบูรณ์ด้วย
5. สำหรับนักศึกษาที่ตอบว่าไม่ผิดเพราะเป็นเรื่องปกติในสังคมหรือไม่ผิดเพราะเป็นคนรักแสดงความรักต่อกันนั้น ถือว่าเป็นการตอบโดยใช้สามัญสำนึกส่วนตัวที่คิดว่าควรจะเป็นโดยไม่ได้ตอบโดยใช้หลักกฎหมาย จึงต้องถือว่าตอบไม่ถูกต้อง
ดังนั้น นักศึกษาที่ตอบข้อสอบนี้มาผิดไปจากที่เฉลย คงจะรู้ข้อบกพร่องและพยายามแก้ไขปรับปรุงต่อไป
ข้อสอบเก่า
คำถาม
ราเชนทร์รักใคร่ชอบพอกับรานี ในวันเกิดอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ของรานี รานีได้นัดให้ราเชนทร์มาพบที่สวนสาธารณะและกอดจูบกันฉันคนรัก บังเอิญวันนั้นบิดาของรานีได้มาวิ่งออกกำลังกายอยู่ในบริเวณดังกล่าว และได้เห็นการกระทำของบุคคลทั้งสอง จึงไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแก่ราเชนทร์ในความผิดเกี่ยวกับเพศ แต่ราเชนทร์อ้างว่าตนไม่ได้กระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ แต่ได้ปฏิบัติต่อกันตามประสาคนรัก และรานีเองก็อายุครบ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว อีกทั้งเมื่อมาพบกันตนก็มิได้ข่มขืนหรือกระทำชำเราหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเรารานีแต่อย่างใด เพียงกอดจูบกันเท่านั้นและรานีเองก็สมัครใจ
กรณีดังกล่าว ท่านเห็นว่าราเชนทร์ต้องรับผิดทางอาญาฐานใดหรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวตอบ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษ...”
จากข้อเท็จจริงตามปัญหา การที่รานีได้นัดให้ราเชนทร์มาพบที่สวนสาธารณะในวันเกิดอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ของตน แสดงให้เห็นว่าราเชนทร์มิได้มีการพรากเด็กหรือผู้เยาว์มาจากผู้ใด แต่เมื่อมาพบกันแล้ว ราเชนทร์ได้กอดจูบรานี การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำอนาจาร เพราะเป็นการกระทำแก่เนื้อตัวของบุคคลที่ไม่สมควรในทางเพศ และการกระทำอนาจารของราเชนทร์ก็เป็นการกระทำแก่รานีซึ่งมีอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ดังนั้น แม้รานีจะยินยอมให้กระทำ ก็ไม่ทำให้ราเชนทร์พ้นความผิดไปได้ และแม้ราเชนทร์จะอ้างว่าตนไม่ได้กระทำถึงขั้นข่มขืนกระทำชำเราหรือพยายามข่มขืนกระทำชำเราก็ตาม ราเชนทร์ก็ยังมีความผิดเกี่ยวกับเพศคือความผิดฐานกระทำอนาจาร
ดังนั้น ราเชนทร์จึงต้องรับผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ตามหลักกฎหมายดังกล่าวมาข้างต้น
วิเคราะห์
ข้อสอบนี้เป็นข้อสอบข้อที่ 2 ซึ่งนักศึกษาตอบผิดกันมาก แม้ว่าจะไม่มากเท่ากับข้อที่ 3 ทั้งๆ ที่ข้อสอบนี้ไม่ยากเลย เพราะในข้อสอบบอกข้อเท็จจริงชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการอนาจารแน่นอน ดังนั้น นักศึกษาจะไม่มีทางหลงไปตอบความผิดอื่น แต่ข้อสำคัญนักศึกษาจะต้องวินิจฉัยให้ถูกต้องว่าเป็นความผิดเกี่ยวกับการกระทำอนาจารที่บัญญัติไว้ในมาตราใด เพราะความผิดที่เกี่ยวกับการกระทำอนาจารมีบัญญัติไว้หลายมาตรา ซึ่งนักศึกษาก็เดาตอบกันมาทุกมาตราที่เกี่ยวข้องโดยไม่อ่านข้อเท็จจริงในโจทย์ให้ชัดเจน คำตอบที่นักศึกษาตอบมาส่วนใหญ่ได้แก่
1. พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
2. กระทำอนาจารแก่เด็กอายุเกินกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี
3. พาหญิงไปเพื่อการอนาจาร
4. ไม่ผิดฐานใดเพราะหญิงสมัครใจ
5. ไม่ผิดฐานใดเพราะเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบัน
6. ไม่ผิดฐานใดเพราะเป็นคนรักแสดงความรักต่อกัน
จากคำตอบดังกล่าวจะเห็นได้ว่าไม่มีคำตอบใดถูกต้องเลย เนื่องจาก
1. นักศึกษาลองไปเปิดอ่านคำอธิบายคำว่า “พรากไปเสีย” ในเอกสารการสอนเล่ม 2 หน้า 117 จะพบว่า คำว่า พราก ต้องเป็นการเอาไปหรือแยกผู้เยาว์จากความชอบธรรมของผู้อื่นที่ปกครอง กรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่าราเชนทร์ไม่ได้เป็นคนเอารานีไป หรือพารานีไป หรือแยกรานีจากความชอบธรรมของผู้ปกครองเลย แต่รานีต่างหากที่เป็นคนนัดให้ราเชนทร์ไปพบตนที่สวนสาธารณะ ดังนั้น เมื่อไม่มีการพราก ความผิดฐานพรากผู้เยาว์จึงไม่อาจนำมาพิจารณาได้
2. นักศึกษาที่ตอบว่าผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กเกินกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีนั้นแสดงว่านักศึกษาอ่านข้อเท็จจริงไม่เข้าใจ และจำตัวบทไม่ได้แม่นยำ ในเรื่องข้อเท็จจริงที่โจทย์ให้ ได้บอกชัดเจนว่าในวันที่เกิดเหตุนั้นรานีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ จึงไม่ใช่กรณีที่กระทำอนาจารแก่เด็กอายุเกินกว่า 15 ปีแน่นอน และในเรื่องหลักกฎหมายนั้น จะมีความผิดต้องเป็นกรณีที่กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯลฯ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ถูกกระทำต้องไม่ยินยอม ผู้กระทำจึงจะมีความผิด แต่กรณีนี้รานีเองก็ยินยอมและอายุก็ยังไม่เกิน 15 ปี จึงจะนำมาตรา 278 มาวินิจฉัยไม่ได้เช่นกัน
3. นักศึกษาที่ตอบว่าพาหญิงไปเพื่อการอนาจารนี้ คงจะลืมอ่านข้อเท็จจริงให้ชัดเจนกว่า กรณีนี้ราเชนทร์ไม่ได้พารานีไปไหนเลย แต่รานีเป็นคนนัดราเชนทร์มาพบ จึงไม่อาจนำมาตรานี้มาวินิจฉัยได้อีก
4. นักศึกษาที่ตอบว่า ไม่ผิดเพราะหญิงสมัครใจนั้น แสดงว่านักศึกษาจำตัวบทมาตรา 279 ไม่ได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า การกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี แม้เด็กนั้นจะยินยอมก็มีความผิด และคำว่าเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีนี้ ย่อมหมายถึงเด็กอายุ 15 ปีบริบูรณ์ด้วย
5. สำหรับนักศึกษาที่ตอบว่าไม่ผิดเพราะเป็นเรื่องปกติในสังคมหรือไม่ผิดเพราะเป็นคนรักแสดงความรักต่อกันนั้น ถือว่าเป็นการตอบโดยใช้สามัญสำนึกส่วนตัวที่คิดว่าควรจะเป็นโดยไม่ได้ตอบโดยใช้หลักกฎหมาย จึงต้องถือว่าตอบไม่ถูกต้อง
ดังนั้น นักศึกษาที่ตอบข้อสอบนี้มาผิดไปจากที่เฉลย คงจะรู้ข้อบกพร่องและพยายามแก้ไขปรับปรุงต่อไป