ผลสอบ 2/52 ออกกันแล้วนะครับ หลายๆคนคงได้รับผลสอบกันแล้ว
ปกติผมเล่นแต่บอร์ดกลาง มสธ. บอร์ดนี้อ่านอย่างเดียวไม่ได้สมัคร
แวะเอาเฉลยที่ลงไว้ในบอร์ดกลางมาลงบ้างนะครับ
พานิชย์ 3
ส่วนผมขอเตรียมตัวอ่านประสบการณืวิชาชีพเพื่อรอรับการอบรมเร็วๆนี้ครับ
ปกติผมเล่นแต่บอร์ดกลาง มสธ. บอร์ดนี้อ่านอย่างเดียวไม่ได้สมัคร
แวะเอาเฉลยที่ลงไว้ในบอร์ดกลางมาลงบ้างนะครับ
พานิชย์ 3
ข้อสอบ 2/52
1. ดำทำสัญญากู้เงินแดงหนึ่งหมื่นบาท โดยจำนำแหวนหนึ่งวงราคาเจ็ดพันบาทเป็นประกันไว้และมีขาวทำสัญญาค้ำประกันหนี้รายนี้ไว้ด้วยต่อมาแดงคืนแหวนที่จำนำไว้แก่ดำไป เมื่อดำผิดนัดไม่ชำระหนี้ แดงมาเรียกให้ขาวรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน ขาวอ้างว่าตนหลุดพ้นความรับผิดแล้วเพราะแดงคืนแหวนที่จำนำให้แก่ดำไปจงวินิจฉัยข้ออ้างของขาวฟังขึ้นหรือไม่ เพียงใด
มาตราที่ใช้ 697 กับ 680
มาตรา 697 ใช้ในการวินิจฉัย ส่วนมาตรา 680 อธิบายนิยามของสัญญาค้ำประกันเท่านั้น
ตามมาตรา 697 เมื่อการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้เอง เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงได้ทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในสิทธิก็ดี จำนอง จำนำก็ดี และบุริมสิทธิอันได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้แต่ก่อนหรือในขณะทำสัญญาคำประกันเพื่อชำระหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น แต่กรณีนี้หลุดพ้นแค่ 7000 ต้องรับผิด 3000 ข้ออ้างของผู้ค้ำประกันฟังไม่ขึ้น
ข้อ 2. นายหนึ่งจดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงินกู้ที่นายสองไปกู้จากนายสาม 200,000 บาท โดยวาจา ครบกำหนดชำระวันที่ 10 มีนาคม 2540 จนวันที่ 10 มีนาคม 2551 นายสามจึงฟ้องบังคับจำนอง นายหนึ่งต่อสู้ว่าหนี้ขาดอายุความและไม่มีหลักฐานการกู้เงิน ข้อต่อสู้ของนายหนึ่งฟังขึ้นหรือไม่
มาตรา 707 ประกอบ 681 และ มาตรา 745 ส่วนมาตรา 744(1) นั้นวางหลักแค่ว่าสัญญาจำนองไม่เป็นอันระงับเพราะเหตุแห่งอายุความแต่ไม่ได้บอกว่าบังคับจำนองได้หรือไม่ แต่มาตรา 745 นั้นวางหลักชัดเจนว่าหนี้ที่ประกันนั้นขาดอายุความก็บังคับจำนองได้แต่บังคับเอาดอกเบี้ยค้างชำระได้ไม่เกิน 5ปี
โจทย์นี้มี 2ประเด็นที่ต้องวินิจฉัย
- หนี้กู้ยืมเงินที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้นเป็นหนี้ที่สมบูรณ์หรือไม่
หลักกฎหมาย มาตรา 707 ประกอบมาตรา 681
การจำนองนั้นจะมีในหนี้ที่ประกันอันสมบูรณ์
หนี้กู้ยืมเงินกฎหมายวางหลักเพียงแค่หากไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจะฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้ เป็นเพียงเรื่องของสิทธิในการฟ้องร้องคดีไม่ใช่แบบของนิติกรรม สัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวจึงเป็นหนี้ที่มีประกันอันสมบูรณ์
- หนี้ที่ขาดอายุความจะบังคับจำนองได้หรือไม่
หลักกฎหมายมาตรา 744(1) และที่สำคัญที่สุดคือมาตรา 745
ตามมาตรา 744(1) หนี้ที่ขาดอายุความไม่ทำให้สัญญาจำนองระงับ แต่ถ้าต้องการบังคับจำนองทำได้แต่จะเรียกดอกเบี้ยค้างชำระเกินกว่า 5 ปี ไม่ได้ตามมาตรา 745
โจทย์นี้มี2คำถามในข้อเดียว แทบทุกคนที่ตกมักตอบข้อนี้ไม่ได้หรือตอบแค่มาตรา 744(1) แต่ลืมมาตรา 745 เพราะโจทย์บอกว่าผู้รับจำนองบังคับจำนองถ้าไม่ตอบมาตรา 745 จะมีคะแนนน้อย
3. นาย ก. เขียนเช็ค 100,000 บาท ให้มะลิ แต่มะลิไปแก้ตัวเลขเป็น 1,000,000 บาท แต่การแก้สามารถเห็นได้ถ้าพิจารณาให้ดี มะลิสลักหลังโอนให้ ข. และ ข. สลักหลังโอนให้ มณฑา ต่อมา มณฑา นำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้วินิจฉัยว่า มณฑา จะไล่เบี้ยเอาจากใครได้บ้าง
มาตรา 904 , 905 , 917 , 967 , 989 (เพราะเป็นเช็คไม่ใช่ตั๋วแลกเงินแทบทุกคนลืมมาตรานี้ทั้งๆที่มันสำคัญมากๆเห็นเช็คแล้วห้ามลืมมาตรานี้เด็ดขาด) และมาตรา 1007ทั้งวรรคแรกและวรรคสอง (6 มาตรา ใน 1ข้อ ค่อนข้างยากและเน้นความเข้าใจเป็นหลัก)
เช็คในโจทย์เป็นเช็คระบุชื่อ ย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลักหลังและส่งมอบ (ม.917 + 989) ในเมื่อมีการสลักหลังและส่งมอบตลอดสายเชคฉบับนี้จึงไม่ขาดสาย
มณฑาซึ่งเป็นผู้ที่มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินและแสดงสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย มณฑาจึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย (ม.904 + 905) มีสิทธิไล่เบี้ยเอากับ ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้สลักหลัง หรือ ผู้รับอาวัล (ม. 967 + 989) เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมณฑาจึงมีสิทธิไล่เบี้ย
แต่เมื่อมะลิไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้ท่านว่าตัวเงินนั้นเป็นอันเสีย เว้นแต่ยังคงใช้ได้กับคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นกับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง (ม. 1007 วรรคแรก)
การที่แก้แล้วสามารถเห็นได้ถ้าพิจารณาให้ดีเป็นการแก้ไขแต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ และตั๋วเงินนั้นตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายไซร้ท่านว่าผู้ทรงคนนั้นจะเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้นก็ได้เสมือนดังว่าไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลยและจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความเดิมแห่งตั๋วเงินนั้นก็ได้ (ม. 1007 วรรคสอง)
** ตรงนี้ทุกคนจะคิดว่าเป็นการแก้ไขโดยความเปลี่ยนแปลงนั้นประจักษ์ แต่ตามหนังสือ และฎีกา อธิบายไว้ชัดว่าถ้าต้องพิจารณาดูดีๆนั้นแสดงว่าต้องตรวจสอบโดยถี่ถ้วนแสดงว่า การแก้ไขนั้นไม่ประจักษ์ คือถ้าประจักษ์แค่มองก็รู้แล้วว่ามีการแก้ไขข้อความ แต่ถ้าต้องเอาแว่นส่องหรือจ้องดูใกล้ๆแสดงว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ ดังนั้นตั๋วเงินนี้ยังใช้ได้เสมือนไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เสียไปเหมือนใน มาตรา 1007 วรรคแรก แต่ก็ต้องใช้วรรคแรกมาไล่เบี้ยกับคู่สัญญาที่แก้ไขข้อความและผู้รับสลักหลังหลังจากมีการแก้ไขด้วย
ตามหนังสือ วิชาพานิชย์ 3 ของสถิตย์ เล็งไธสง ได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่าจะไปไล่เบี้ยผู้สั่งจ่ายตามเนื้อความเดิมแล้วเอาส่วนที่เหลือตามข้อความที่แก้กับคนที่แก้ข้อความเพิ่มอีกก็ได้***
สรุปว่ามณฑาเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายของเช็คระบุชื่อดังกล่าวเพราะสลักหลังไม่ขาดสายและครอบครองตั๋วนั้นในฐานะผู้รับเงิน เมื่อธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงิน ผู้สั่งจ่าย ผู้สลักหลัง จึงต้องรับผิดต่อผู้ทรง แต่มีการแก้ไขโดยความเปลี่ยนแปลงไม่ประจักษ์ มณฑาจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความเดิมก็ได้
ดังนั้นมณฑาจะใช้สิทธิไล่เบี้ยได้ดังนี้
1. ไล่เบี้ยผู้สั่งจ่ายคือ ก. ได้ตามเนื้อความเดิมในตั๋วเงินได้ 100,000 บาท
2. ไลเบี้ยคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นกับทั้งผู้สลักหลังในภายหลังได้เต็มจำนวนคือ 1,000,000 บาท ได้แก่มะลิ และ ข. ผู้สลักคนถัดมา
สรุปไล่เบี้ยได้ทั้ง ก. ข. และ มะลิ ผู้แก้ไขข้อความในเชค
ส่วนผมขอเตรียมตัวอ่านประสบการณืวิชาชีพเพื่อรอรับการอบรมเร็วๆนี้ครับ